จีนประกาศแผนลดกำลังการผลิตเหล็ก หวังปรับโครงสร้าง-ลดความตึงเครียดการค้าโลก

05 มีนาคม 2568
จีนประกาศแผนลดกำลังการผลิตเหล็ก หวังปรับโครงสร้าง-ลดความตึงเครียดการค้าโลก

จีนเตรียมปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็กขนาดใหญ่ผ่านการลดกำลังการผลิต แม้ไม่ได้ประกาศกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการแทรกแซงครั้งล่าสุดเพื่อแก้ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน ซึ่งเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดด้านการค้าโลก

จีนซึ่งเป็นผู้ผลิตและบริโภคเหล็กรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะส่งเสริมการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็กผ่านการลดกำลังการผลิต” รายงานของรัฐบาลจีนที่เผยแพร่ในวันนี้ (5 มี.ค.) ระบุ

“เราจะออกนโยบายและมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในอุตสาหกรรมหลัก และยุติการแข่งขันที่รุนแรงผ่านกฎระเบียบและการยกระดับอุตสาหกรรม” รายงานระบุ

แม้ว่าจีนไม่ได้ระบุขนาดของการลดกำลังการผลิต แต่ราคาวัตถุดิบสำหรับการผลิตเหล็กลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า จีนจะลดกำลังการผลิตเหล็กดิบลงประมาณ 50 ล้านตัน

นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ประบุในบันทึกว่า “เมื่อตรวจสอบการประชุมสองสภาระหว่างปี 2562-2567 นี่นับเป็นครั้งแรกที่ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ของจีนเสนอให้ลดการผลิตเหล็กในร่างแผนงาน” โดยก่อนหน้านี้ NDRC ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงด้านอุตสาหกรรม การปล่อยคาร์บอน และการควบรวมอุตสาหกรรม

บรรดานักวิเคราะห์และเทรดเดอร์หลายรายให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลจีนได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าต้องการควบคุมการผลิตเหล็กในปีนี้

ผู้ผลิตเหล็กของจีนเผชิญปัญหากำไรลดลง เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาส่งผลให้ความต้องการใช้เหล็กภายในประเทศลดลง นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางการค้าจากการที่จีนส่งออกเหล็กราคาถูกจำนวนมากยังสร้างความกังวลต่อแนวโน้มการส่งออกในปีนี้

การส่งออกเหล็กของจีนที่เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยความต้องการในประเทศที่ลดลงนั้น ได้กระตุ้นให้หลายประเทศแสดงความไม่พอใจ โดยให้เหตุผลว่าการนำเข้าเหล็กราคาถูกจากจีนส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศของตน

เวียดนามและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นสองตลาดส่งออกเหล็กที่ใหญ่ที่สุดของจีนประกาศเมื่อเดือนก.พ.ว่า จะเรียกเก็บภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดกับผลิตภัณฑ์เหล็กบางประเภทจากจีน

ทั้งนี้ จีนเคยสั่งให้หยุดเพิ่มการผลิตเหล็กดิบในปี 2564 เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งหลังจากการตัดสินใจดังกล่าว การผลิตเหล็กของจีนลดลง 5.6% เหลือ 1.005 พันล้านตันในปีที่แล้ว จากระดับสูงสุดที่ 1.065 พันล้านตันในปี 2563

 


แหล่งที่มา : อินโฟเควสท์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.